ในยุคที่ความงามเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต และศัลยกรรมความงามไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป คำถามที่ผุดขึ้นในใจของผู้ที่กำลังพิจารณาจะเดินเข้าสู่เส้นทางนี้คือ “ทำศัลยกรรม ควรอายุเท่าไหร่?” หรือ “มีข้อจำกัดเรื่องอายุหรือไม่ และเมื่อไหร่คือช่วงเวลาที่ร่างกายและจิตใจพร้อมที่สุดสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้?”
บทความนี้จะพาทุกคนไปสำรวจประเด็นสำคัญเกี่ยวกับอายุที่เหมาะสมสำหรับการทำศัลยกรรมความงาม ตั้งแต่มุมมองทางการศัลยแพทย์ จิตวิทยา เพื่อช่วยให้คุณไขข้อข้องใจและตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่า เมื่อไหร่คือ “เวลาที่ใช่” สำหรับคุณ
ทำศัลยกรรม ควรอายุเท่าไหร่
สำหรับใครที่สนใจศัลยกรรม โดยทั่วไปแล้วช่วงวัยที่เหมาะสมคือ 18 ปีขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายและโครงสร้างต่าง ๆ เจริญเติบโตเต็มที่ ทำให้ผลลัพธ์การศัลยกรรมมีความคงทนและปลอดภัยมากขึ้น
อายุไม่ถึงสามารถศัลยกรรมได้หรือไม่
หากอายุต่ำกว่า 18 ปี ก็สามารถทำศัลยกรรมได้ แต่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง และต้องผ่านการประเมินจากศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยและความเหมาะสมกับโครงสร้างร่างกายของแต่ละบุคคล
ทำศัลยกรรมต่าง ๆ ต้องมีอายุเท่าไหร่บ้าง

ศัลยกรรมหน้าอก
การศัลยกรรมหน้าผากเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าผากไม่เรียบเนียน แคบ หรือแบน การศัลยกรรมประเภทนี้จะช่วยปรับรูปทรงหน้าผากให้ดูสมบูรณ์และสวยงามขึ้น อายุที่เหมาะสมสำหรับการทำศัลยกรรมหน้าผากคือประมาณ 18-20 ปีขึ้นไป เพราะกระดูกหน้าผากในช่วงวัยนี้จะเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ทำให้ผลลัพธ์ของการศัลยกรรมได้รูปทรงที่คงที่และสมบูรณ์แบบ
ศัลยกรรมตา
การศัลยกรรมตาสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำตาสองชั้น การกรีดตา การเย็บชั้นหนังตา หรือแม้กระทั่งการลบรอยย่นรอบดวงตา ผู้ที่ต้องการทำศัลยกรรมตาควรมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่ดวงตาเจริญเติบโตเต็มที่ สำหรับคนที่มีปัญหาหนังตาหย่อนคล้อยเนื่องจากอายุที่มากขึ้น ก็สามารถพิจารณาทำศัลยกรรมได้อีกครั้งในช่วงอายุ 45-50 ปี เพื่อช่วยให้ดวงตากลับมาดูสดใสและอ่อนเยาว์
ศัลยกรรมจมูก
การศัลยกรรมจมูก ไม่ว่าจะเป็นการเสริมจมูกหรือการลดขนาดจมูก เป็นการผ่าตัดที่ช่วยปรับรูปทรงจมูกให้เข้ากับใบหน้ามากขึ้น อายุที่เหมาะสมสำหรับการทำศัลยกรรมจมูกคือ 20 ปีขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่โครงสร้างกระดูกจมูกเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว เมื่อทำศัลยกรรมแล้ว รูปทรงที่ได้ก็จะมีความคงที่และไม่เปลี่ยนแปลง
ศัลยกรรมริมฝีปาก
การศัลยกรรมริมฝีปากเป็นการผ่าตัดเพื่อปรับปรุงรูปร่างและลักษณะของริมฝีปากให้ดูเหมาะสมกับโครงสร้างใบหน้ามากขึ้น เช่น การผ่าตัดลดขนาดริมฝีปากที่หนาให้บางลง การผ่าตัดยกริมฝีปากบน หรือการทำริมฝีปากให้อวบอิ่มขึ้น คนที่ต้องการทำศัลยกรรมริมฝีปากสามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป
ศัลยกรรมตัดกราม
การศัลยกรรมกรามมีจุดประสงค์หลักเพื่อปรับรูปหน้าให้ดูเรียวและมีขนาดเล็กลง โดยเฉพาะบริเวณกรามที่อาจดูใหญ่หรือไม่สมส่วน อายุที่เหมาะสมสำหรับการทำศัลยกรรมกรามคือ 20 ปีขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่กระดูกขากรรไกรเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ทำให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ศัลยกรรมหน้าผาก
การศัลยกรรมหน้าอก เช่น การเสริมหน้าอกหรือการลดขนาดหน้าอก ควรพิจารณาทำเมื่อมีอายุ 25 ปีขึ้นไป การตัดสินใจนี้มีความสำคัญ เพราะในช่วงวัยรุ่น (ประมาณ 12-17 ปี) ฮอร์โมนและอวัยวะต่าง ๆ รวมถึงเต้านมยังอยู่ในช่วงของการเจริญเติบโตที่ไม่เต็มที่ นอกจากนี้ การทำศัลยกรรมหน้าอกในวัยที่ยังอายุน้อยอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการให้นมบุตรในอนาคตได้อีกด้วย
ศัลยกรรมหน้าท้อง
การศัลยกรรมหน้าท้องเพื่อปรับให้หน้าท้องดูเรียบแบนและกระชับขึ้นนั้น เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนการทำศัลยกรรมหน้าท้องคือ ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดไม่ควรมีแผนที่จะมีบุตรอีกในอนาคต เนื่องจากหากมีการตั้งครรภ์หลังจากการทำศัลยกรรมหน้าท้อง อาจทำให้หน้าท้องเกิดรอยเหี่ยวย่นหรือความหย่อนคล้อยขึ้นมาใหม่ได้ ซึ่งจะส่งผลให้ผลลัพธ์ของการศัลยกรรมไม่คงอยู่ถาวรตามที่คาดหวัง
เหตุผลที่ไม่ควรทำศัลยกรรม หากอายุไม่ถึงเกณฑ์

- ร่างกายยังเติบโตไม่เต็มที่ โครงสร้างกระดูกและเนื้อเยื่อบนใบหน้า เช่น กระดูกจมูกและกระดูกกราม ยังคงเปลี่ยนแปลงได้ การทำศัลยกรรมก่อนวัยอันควรอาจทำให้รูปทรงเปลี่ยนไปในอนาคตและอาจต้องแก้ไขหลายครั้ง
- ความเสี่ยงสูงต่อผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อน ร่างกายที่ยังเติบโตไม่เต็มที่อาจฟื้นตัวได้ไม่ดี ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็น การติดเชื้อ หรือความผิดปกติของเส้นประสาทสูงขึ้น
- การตัดสินใจที่อาจขาดความรอบคอบ การตัดสินใจทำศัลยกรรมในวัยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอาจขาดวิจารณญาณที่เพียงพอในการประเมินข้อดี ข้อเสีย และผลลัพธ์ในระยะยาว
- อาจต้องแก้ไขซ้ำในอนาคต การทำศัลยกรรมก่อนวัยที่เหมาะสมอาจทำให้ต้องแก้ไขซ้ำในภายหลังเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างร่างกาย ซึ่งเป็นภาระทั้งทางร่างกายและค่าใช้จ่าย
ข้อควรระวังในการศัลยกรรม
- เลือกศัลยแพทย์และสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ศึกษาข้อมูลให้ดีและเลือกศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงสถานพยาบาลที่มีใบอนุญาตถูกต้องและได้มาตรฐาน
- แจ้งประวัติสุขภาพอย่างละเอียด บอกประวัติสุขภาพและโรคประจำตัวทั้งหมดกับศัลยแพทย์ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
- งดยาและอาหารเสริมบางชนิด งดยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดก่อนการผ่าตัดตามคำแนะนำของศัลยแพทย์อย่างเคร่งครัด
- งดบุหรี่และแอลกอฮอล์ ควรงดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด เพราะมีผลต่อการฟื้นตัวและเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อ
- เตรียมใจให้พร้อม จัดการความเครียดและความกังวล เพราะความเครียดอาจส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงของการเสียเลือดในระหว่างการผ่าตัด
- วางแผนการพักฟื้นล่วงหน้า วางแผนการพักฟื้นให้ดี เพื่อให้คุณมีเวลาฟื้นตัวอย่างเต็มที่และลดความเสี่ยงของการเกิดแผลเป็น
เตรียมตัวให้พร้อมก่อนศัลยกรรม

- ตรวจสุขภาพและแจ้งประวัติ ตรวจเช็กสุขภาพให้พร้อม และแจ้งประวัติการแพ้ยาหรือโรคประจำตัวให้ศัลยแพทย์ทราบอย่างละเอียด เพื่อประเมินความพร้อมและความเสี่ยงของคนไข้
- งดยาและอาหารเสริม หยุดรับประทานยาแก้ปวด เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน รวมถึงอาหารเสริมและวิตามินทุกชนิด อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด เนื่องจากอาจทำให้เลือดแข็งตัวช้าและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียเลือดมาก
- งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ ควรงดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1-4 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อการฟื้นตัวและเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อ
- งดน้ำและอาหาร งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการใช้ยาสลบ
- งดแต่งหน้า ในวันผ่าตัด ควรงดแต่งหน้า เพื่อป้องกันการติดเชื้อและเพื่อให้ศัลยแพทย์สามารถประเมินโครงสร้างใบหน้าของคุณได้อย่างชัดเจน
- เตรียมความพร้อมสำหรับการพักฟื้น เตรียมเสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย ถอดง่าย และวางแผนการพักฟื้นล่วงหน้า เช่น การหยุดงาน และการจัดหาผู้ดูแลที่จะช่วยเหลือในช่วงพักฟื้น
ดูแลตัวเองยังไง หลังศัลยกรรม
- งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ ควรงดต่อเนื่องไปอีกระยะหลังการผ่าตัด เพื่อลดความเสี่ยงของการอักเสบและการติดเชื้อของแผล
- ทานยาตามคำสั่งศัลยแพทย์ รับประทานยาที่ศัลยแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด จะช่วยลดอาการบวมและป้องกันการติดเชื้อได้
- พักผ่อนให้เพียงพอ พักผ่อนให้มาก และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดแรงกดหรือกระทบกระเทือนบริเวณที่ได้รับการผ่าตัด
- เลือกรับประทานอาหาร ทานอาหารอ่อน ๆ และมีประโยชน์ เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- ทำตามคำแนะนำศัลยแพทย์อย่างเคร่งครัด ปฏิบัติตามคำแนะนำของศัลยแพทย์อย่างใกล้ชิด เช่น วิธีการทำความสะอาดแผล และการมาตามนัดเพื่อติดตามผล
สรุป
จะเห็นว่าการทำศัลยกรรมความงามต้องคำนึงถึงอายุที่เหมาะสมเป็นสำคัญ โดยทั่วไปควรอายุ 18 ปีขึ้นไป เพื่อให้โครงสร้างร่างกายเจริญเติบโตเต็มที่และได้ผลลัพธ์ที่คงทนปลอดภัย การเลือกศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
ถ้ากำลังพิจารณาการทำศัลยกรรมความงาม SR Surgery Review พร้อมให้คำปรึกษาและบริการศัลยกรรมคุณภาพสูงด้วยทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยที่สุด มาปรึกษาและวางแผนการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมกับคุณได้แล้ววันนี้