1. Home
  2. สาระน่ารู้
  3. 5 วิธีง่ายๆ ศัลยกรรมหน้าเรียว ที่ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด

5 วิธีง่ายๆ ศัลยกรรมหน้าเรียว ที่ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด

ศัลยกรรมหน้าเรียว

ศัลยกรรมหน้าเรียวกำลังเป็นกระแสยอดฮิตที่มาแรงในวงการศัลยกรรมบ้านเรา ไม่ว่าใครๆ จะเพศหญิงหรือเพศชาย ก็อยากมี ใบหน้าที่เรียวสวยได้รูปกันทั้งนั้น วันนี้เราจึงมีวิธีดีๆที่จะทำให้คุณๆ ได้มีใบหน้าที่เรียวสวยได้รูปมาฝากกันค่ะ ซึ่งมีตั้งแต่เจ็บตัวน้อยแต่ไม่ถาวร ไปจนถึงเจ็บตัวมากหน่อยแต่ผลลัพธ์ที่ได้อยู่แบบถาวรมาดูกันค่ะว่า 5 วิธีการทำให้หน้าเรียว ที่ว่ามีอะไรกันบ้าง

1. การฉีดโบท็อกซ์

เริ่มต้นจากวิธีได้รับความนิยมมากที่สุดอย่างการฉีดสาร BOTOX ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นโปรตีนที่มีความบริสุทธิ์ ไปตรงส่วนบริเวณกราม เพื่อให้สารตัวนี้เข้าไป ช่วยทำให้กร้ามเนื้อกรามฝ่อตัวเล็กลง การฉีดโบท็อกซ์ถือเป็นการปรับรูปหน้าให้มีความเรียวและสวยมากขึ้น

ผลของการฉีดโบท็อกซ์ แพทย์จะนำโบท็อกซ์มาฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อบริเวณกรามเพื่อทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ผลที่ตามมาหลังการฉีด Botox คือ กล้ามเนื้อกรามจะเล็กลง ทำให้ใบหน้าเรียวขึ้นนั่นเองค่ะ

ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์ แพทย์ใช้น้ำเกลือปลอดเชื้อในการผสมโบท็อกซ์แล้วหลังจากนั้นแพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กในการฉีดจึงทำให้รู้สึกเจ็บน้อยมาก และสามารถกลับไปทำงานหรือทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติหลังการฉีดโดยไม่ต้องพักฟื้นในโรงพยาบาล โดยยาจะเริ่มออกฤทธิ์ภายหลังการฉีด 7-14 วัน และอยู่ได้นาน 4-6 เดือน

ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์

  • โบท็อกซ์เป็นสารที่ออกฤทธิ์ชั่วคราวอยู่ประมาณ 4-6 เดือนหลังฉีดขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ทั้งนี้ผู้ป่วยสามารถเลือกหรือตัดสินใจฉีดแต่ละครั้งตามความพอใจ
  • การปรับรูปหน้าด้วยการฉีดโบท็อกซ์ ราคาไม่สูงเหมือนการทำศัลยกรรมปรับรูปหน้าแบบอื่นๆ
  • เห็นผลไว และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้อ คนไข้สามารถออกไปข้างนอกหรือทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติค่ะ

เกร็ดความรู้ : ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยค่ะว่าทำไมการทำหน้าเรียวด้วยการฉีดโบท็อกจึงเป็นที่นิยมมากที่สุดนั่นเองค่ะ

จุดฉีดโบท็อกซ์หน้าเรียว

ชมพู่-ฉีดโบท็อกซ์หน้าเรียว

แพท-ฉีดโบท็อกซ์หน้าเรียว

การฉีดโบท็อกซ์หน้าเรียว ยังเป็นวิธีที่แม้กระทั่งดารานักแสดงหลายๆท่านก็นิยมใช้วิธีนี้เช่นกันค่ะ เพราะเป็นวิธีที่ง่าย ไม่ต้องเจ็บตัวมาก และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนานๆ อีกทั้งวิธีนี้ยังเหมาะกับคนที่มีรูปหน้าที่สวยอยู่แล้วแต่แค่อยากให้เห็นรูปหน้าที่เล็กลงและชัดเจนขึ้นเท่านั้นเองค่ะ


2. การฉีดสลายไขมันด้วย Meso Lipolysis

หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Meso Fat (เมโสแฟต) คือ การฉีดวิตามินเข้าสู่ชั้นไขมัน เพื่อประโยชน์ในการลดกระชับสัดส่วนให้ได้รูปตามต้องการ เป็นวิธีสลายไขมันแบบเฉพาะจุด โดยมีสารประกอบหลัก ๆ คือ Phosphatidylcholine (สกัดจากถั่วเหลืองหรือไข่แดง) และวิตามินหลายชนิด วิธีนี้ถือว่ามีความปลอดภัยมาก เพราะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ สามารถสลายออกจากร่างกายได้ดี ดังนั้นอาการแพ้จึงมีน้อยมากค่ะ

ข้อดีของการฉีด Meso-Fat

  • ปัจจุบันนี้ ได้มีการพัฒนาตัวยาฉีดสลายไขมัน ให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้น เร็วขึ้น และมีผลข้างเคียง เรื่อง การฟกช้ำหลังฉีดน้อยลง ใช้เวลาในการทำน้อยลง ทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้น
  • นอกจากนี้ Meso-fat ยังทำหน้าที่ขัดขวางการสะสมของไขมันใต้ผิวหนัง อีกทั้งยังช่วยการกระตุ้นให้ไขมันสะสมถูกปล่อยออกมาทำให้หน้าเรียวขึ้น และยังเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และระบบต่อมน้ำเหลืองอีกด้วย
  • ช่วยยกกระชับผิวหนังให้เต่งตึงขึ้น ใบหน้าดูเรียบร้อยขึ้น

ตำแหน่งที่นิยมทำการสลายไขมันด้วยวิธีเมโสแฟต

  1. ลดไขมันที่แก้มให้หน้าเรียวเล็ก
  2. ลดไขมันที่คาง (เหนียง)
  3. ลดไขมันที่ต้นขา ต้นแขน
  4. ลดไขมันที่พุง หน้าท้อง

ขั้นตอนการฉีดสลายไขมันด้วยเมโสแฟต

แพทย์ผสมยาและการฉีดน้ำยาสลายไขมันในบริเวณแก้มที่มีไขมันสะสมอยู่หลังจากที่ฉีดสลายไขมันเข้าที่บริเวณผิวหนังแล้วไขมันจะเริ่มหดตัว หรือเริ่มลดจำนวนเซลล์ไขมันลง ประมาณ 10-20% ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด ทำให้ขนาดแก้มในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก จะดูใหญ่กว่าที่ต้องการได้ แต่หลังจากน้ำยาทำการสลายไขมันให้เริ่มแตกตัวได้ แก้มจะค่อย ๆ ยุบตัวเรื่อย ๆ จนหน้าเรียวอย่างเห็นได้ชัดเจนค่ะ

อาการหลังฉีดยาสลายไขมันเมโสแฟต อาจจะมีแผลขนาดเล็กมากซึ่งเป็นรอยเข็มตามบริเวณที่ฉีดเท่านั้น หลังการอาจมีรอบเขียวช้ำ อาจมีอาการบวมน้ำยาเป็นเวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมงหลังการฉีดและหลังจากนั้นก็จะค่อยๆ ยุบลงค่ะ

ฉีดสลายไขมันด้วย Meso Lipolysis

ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล

แพนเค๊ก-ฉีดสลายไขมัน-ให้หน้าเรียว

ใหม่-ฉีดสลายไขมัน-ให้หน้าเรียว

วิธีนี้จะเห็นผลดีมากกับคนที่มีลักษณะแก้มเยอะ เนื่องจากไขมัน มีไขมันบริเวณใต้คางเยอะ ทำให้ให้กรอบหน้าไม่ชัดเจนนั่นเองค่ะ วิธีนี้สามารถทำควบคู่ไปกับการฉีดโบท็อกซ์ ได้ค่ะเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม


3. การร้อยไหมหน้าเรียว

ถือว่าเป็นการทำศัลยกรรมอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งเป็นการปรับรูปหน้าให้เรียวสวย ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะมีค่าใช้จ่ายไม่สูง ไม่ต้องลงมีดผ่าตัด ไม่ต้องนอนพักฟื้น และมีผลข้างเคียงน้อยมาก จึงทำให้เป็อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความสนใจสำหรับคนที่อยากได้หน้าเรียวสวยแบบไม่ต้องเจ็บตัวมาก พักฟื้นไม่นาน บวมช้ำไม่เยอะนั่นเองค่ะ แต่วิธีนี้ไม่ได้อยู่ถาวรนะคะ

ข้อดีของการร้อยไหมที่หน้า

  • ช่วยปรับรูปหน้าเรียวสวยได้รูป อีกทั้งยังช่วยยกกระชับผิวหนังที่หย่อนคล้อย ทำให้หน้าเป็นรูปวีเชฟ
  • การร้อยไหมเห็นผลลัพธ์ทันที หลังทำอีกทั้งการร้อยไหมจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการหดตัวของคอลลาเจนใต้ผิว ซึ่งจะทำให้ผิวเกิดการกระชับตึงขึ้นอีกด้วยค่ะ

ชนิดของไหมที่นิยมใช้

1. เส้นไหมเรียบ (Mono threads) เป็นเส้นเรียบ ไม่มีเงี่ยงหรือปุ่ม หรือเกลียว ไหมชนิดนี้นิยมนำมาใช้กับบริเวณคอ หน้าผาก และใต้ตา เส้นไหมชนิดนี้จะช่วยให้ผิวหนังเต่งตึงแต่ไม่ได้ช่วยยกชั้นผิวหนัง

2. เส้นไหมที่มีเงี่ยง (Cog threads) เป็นเส้นไหมเส้นเดียวแต่มีเงี่ยงตลอดแนวไหม เพื่อทำหน้าที่ยึดเกาะด้านในชั้นผิวหนัง เงี่ยงมีประโยชน์ทำหน้าที่คล้ายโครงสร้างที่จะช่วยยกเนื้อเยื่อหรือผิวหนังที่หย่อนยาน คอลลาเจนจะถูกกระตุ้นให้มีการสร้างขึ้นใหม่รอบเส้นไหมและบริเวณเงี่ยง เส้นไหมชนิดนี้เหมาะกับการยกกระชับบริเวณคาง ปรับรูปหน้าให้เรียว

3. เส้นไหมเกลียว (Screw threads) เป็นเส้นไหมเส้นเดียวหรือสองเส้นเกลียวเข้าด้วยกัน เส้นไหมชนิดนี้มีประโยชน์ช่วยเพิ่มปริมาตรบริเวณผิวหนังที่ยุบตัวหรือเป็นแอ่ง เส้นไหมเกลียวจะให้ผลแข็งแรงกว่าไหมเส้นเรียบ ส่วนใหญ่ไหมเกลียวเหมาะกับการยกชั้นผิวหนังที่หย่อนยานเพื่อปรับให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น

ข้อเสียของการร้อยไหมที่หน้า

  • ขณะที่ร้อยไหมมีความเจ็บ ต้องมีการฉีดยาชา หลังการร้อยไหม จะมีอาการบวมแดง ช้ำตามแนวการสอดไหม
  • หากร้อยไหมที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจมีผลข้างเคียง คลำปมไหมได้ หรือเห็นปลายไหมโผล่อย่างชัดเจน
  • การร้อยไหม มีความเสี่ยงกับการใช้ไหมที่ไม่ได้มาตรฐานมากว่าการทำศัลยกรรมหน้าเรียงด้วยวิธีอื่น

ข้อมูลเพิ่มเติม : ร้อยไหมหน้าเรียวมีทั้งหมดกี่วิธี แตกต่างกันอย่างไร

เกร็ดความรู้ : การทำศัลยกรรมหน้ามีความเสี่ยง แนะนำให้ทำกับสถานเสริมความงามที่ได้รับมาตรฐานเพื่อลดความเสี่ยง เละเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับตัวเองค่ะ

ตำแหน่ง ร้อยไหมหน้าเรียว บนใบหน้า.jpg

นุ่น-ร้อยไหมหน้าเรียว

แอฟ-ร้อยไหมหน้าเรียว


4. การศัลยกรรมดูดไขมันกรอบหน้า

ถือเป็นอีก 1 วิธีที่สามารถช่วยให้ใบหน้าเล็กเรียวได้ โดยแพทย์จะทำการดูดในบริเวณ เหนียง คอ แก้มด้านล่าง และขอบกราม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาและการสะสมของไขมันของแต่ละบุคคลซึ่งวิธีนี้จะช่วยทำให้ มองเห็นรูปกรอบหน้า คาง และ ลำคอได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้ใบหน้าดูผอมลง และดูอ่อนเยาว์ขึ้น

เพราะหลังจากที่ทำการดูดไขมันบริเวณใบหน้าแล้ว ผิวหนังบริเวณที่ดูดไขมันออกไป จะมีความเรียบและกระชับขึ้น การทำศัลยกรรมหน้าเรียว ด้วยวิธีถือเป็น วิธีศัลยกรรมหน้าเรียว แบบถาวร อีกวิธีหนึ่งที่เจ็บตัวน้อยแต่ได้รับผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว และไขมันที่ถูกดูดออกไปจะไม่กลับมาอีก ถ้าหากน้ำหนักตัวไม่ได้เพิ่มขึ้นมากๆ การทำศัลยกรรมหน้าเรียวด้วยวิธีนี้มีระยะเวลาในการพักฟื้นตัวเร็ว สามารถกลับไปทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันได้หลังจากดูดไขมันประมาณ 5-7 วันค่ะ

แนะนำอ่านเพิ่มเติม : หน้าเรียวโดยไม่ต้องผ่าตัดกระดูก ดูดไขมันหน้า เหนียง แก้ม ใต้คาง 

ข้อดีของการดูดไขมันกรอบหน้า

  • สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถาวร เพราะไขมันที่ดูดออกไป จะไม่กลับมาอีก
  • ทำให้เห็นกรอบหน้าที่ชัดเจน และ หลังจากดูดไขมัน ใบหน้าจะยกกระชับขึ้นและใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงอีกด้วย

ขั้นตอนการดูดไขมันกรอบหน้า

  1. ใช้คลื่นแสงที่เหมาะสม เป็นตัวนำพลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงซึ่งทำให้เกิดความร้อน เข้าไปทำละลายให้ไขมันกลายเป็นของเหลว ทำให้สามารถดูดไขมันออกได้อย่างง่ายดาย ทำหลังการารดูดไขมัน มีอาการบวม ช้ำน้อยมาก
  2. ใช้เข็มทู่ ขนาดประมาณ 1 มม – 1.5 มม ดูดไขมันเหลว ใต้ผิวหน้าบริเวณที่กำหนดออกมา
  3. ระยะเวลาในการผ่าตัด ใช้ระยะเวลาการผ่าตัดประมาณ 1-2 ชม. โดยประมาณ

ผลลัพธ์ที่ได้หลังการผ่าตัด

  • มีแผลเล็กขนาด 1.5 มม. ในบริเวณที่ทำการเปิดแผลเพื่อดูดไขมัน โดยแผลจะสามารถจางหายไปเอง
  • จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน 1 – 3 เดือนหลังการดูดไขมันกรอบหน้า (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
  • การดูดไขมันกรอบหน้าถือเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง
  • ทำให้ผิวเรียบยิ่งขึ้น
  • ช่วยยกกระชับใบหน้า ยกกระชับรูปแก้ม ปรับให้ผิวหนังตึง ไม่หย่อนคล้อย

การดูแลหลังทำดูดไขมันหน้าเรียว

  • ห้ามแผลโดนน้ำ เป็นระยะเวลา 24 ชม. หลังการดูดไขมัน
  • งดออกกำลังกายหนักๆในช่วง 1 – 2 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
  • หลังการผ่าตัดอาการบวมในช่วง 2 – 4 สัปดาห์ (หลังจากนั้นจะค่อยๆยุบบวมลงเรื่อยๆ)

การศัลยกรรมดูดไขมันกรอบหน้า

ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล

ดูดไขมันกรอบหน้า-หน้าเรียว


5. การทำศัลยกรรมตัดกระดูก ลดโหนก+วีไลน์ ( V-Line )

การทำ ศัลยกรรมหน้าเรียว ด้วยวิธีนี้ ถือเป็นการผ่าตัดใหญ่แต่ได้ผลลัพธ์ที่ถาวรที่สุด โดยการผ่าตัดทำศัลยกรรมนี้ได้รับความนิยมมากที่ประเทศเกาหลี เพราะเป็นการผ่าตัดที่ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ

ลองสังเกตดูดีๆสิคะว่า สาวๆเกาหลีส่วนมากมีโครงหน้าที่เรียวสวยอย่างเป็นธรรมชาติกันแทบจะทุกคน การผ่าตัดลดโหนกแก้ม คือ การผ่าตัดเพื่อ ลดโหนกแก้ม สำหรับคนที่มีโหนกแก้มใหญ่ โดยมองจากทางด้านหน้า และด้านข้าง จะเห็นกระดูกโหนกแก้มชัดเจน โดยสามารถแบ่งลักษณะของโหนกแก้มออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้

1. ส่วนที่หนึ่ง คือ ส่วน body และ arch เป็นส่วนที่เพิ่มความนูนของใบหน้าทำให้หน้าเกิดมิติ

2. ส่วนที่สอง คือ เป็นส่วนที่เพิ่มความนูนของใบหน้าทำให้หน้าเกิดมิติ ซึ่งคนแถบๆเอเชียนั้นจะมีส่วนนี้มากกว่าคนแถวๆยุโรป (ส่วนคนยุโรปมักจะชอบเสริมโหนกแก้มในส่วนนี้)

3. ส่วนที่สาม คือ ส่วนด้านข้าง (arch) คือส่วนกำหนดความกว้างของใบหน้า

การผ่าตัดลดโหนกแก้มด้วยเทคนิคเกาหลี

การผ่าตัดลดโหนกแก้มด้วยเทคนิคเกาหลีเป็นการผ่าตัดภายในช่องปากร่วมกับการเปิดแผลบริเวณไรผมข้างกกหู  ทั่วไปการศัลยกรรมจะทำการตัดกระดูกโหนกแก้มให้สั้นลงและเกลาความหนาให้บางลง

นอกจากจะเกลาหรือตัดกระดูกให้บางลงเพื่อลดความกว้างของกระดูกด้านข้างแล้ว ยังทำการดันกระดูกโหนกแก้มเข้าด้านในประมาณ 45องศา เพื่อเพิ่มมิติในด้านหน้าอีกด้วยทำให้รูปหน้าคุณจะสวย สมบูรณ์แบบทุกมุมมอง หลังการตัดไหมไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็นนะคะ เพราะรอยแผลดังกล่าวแทบมองไม่เห็นเลย

การตัดกราม + เลื่อนคาง (วีไลน์) สำหรับบางคนอาจจะพอคุ้นหูกับคำว่า วีไลน์หน้าเรียว  กันมาบ้างแล้ว แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยได้ยินหรือยังไม่คุ้นหูกับการทำศัลยกรรมวีไลน์ แล้วสงสัยว่าการทำวีไลน์หน้าเรียวคืออะไร? การทำวีไลน์หน้าเรียว คือ การปรับโครงหน้าส่วนล่างทำให้ใบหน้าเรียวดูเล็กลง เพื่อให้มีใบหน้าที่ได้สัดส่วนมากขึ้น การทำวีไลน์ถือเป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดสำหรับคนที่มี กระดูกกรามหนา กรามกว้าง หรือใหญ่ รวมถึงคนที่มีคางสั้น คางป้าน คางบุ๋มตรงกลาง

ขั้นตอนการทำวีไลน์หน้าเรียว

1. เป็นการทำศัลยกรรมโดยการตัดกระดูกกรามที่เป็นส่วนเกินออกไป และตะไบกระดูกกรามให้เรียบเนียน

2. เลื่อนคาง โดยการตัดกระดูกคางเป็นรูปตัว T แล้วเอากระดูกส่วนกลางออก หลังจากนั้นเลื่อนกระดูกทั้ง 2 ข้างมาชิดทำให้คางดูเรียวเล็กลง อีกทั้งสามารถยืดคางให้ยาวขึ้นด้วยการต่อคางโดยใช้กระดูกของตนเอง ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า เวลามองจะทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการเสริมคางด้วยซิลิโคนหลังจากนั้น แพทย์จะทำการยึดกระดูกด้วยสกรู ซึ่งเป็นวัสดุที่ทำจากไทเทเนี่ยมมีความปลอดภัย

สามารถอยู่กับเราได้ไปตลอดชีวิตโดยไม่ต้องเอาออกค่ะ แต่ถ้าใครที่อยากเอาออกก็สามารถเอาออกได้หลังจากการผ่าตัดไปแล้ว 6 เดือนค่ะโดยวัสดุชนิดนี้สามารถเข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์ และเครื่องสแกนที่สนามบินได้สบายไม่ต้องกังวลค่ะ

การทำศัลยกรรมวีไลน์นี้เป็นวิธีนี้จะทำให้เรามีใบหน้าที่เรียวสวย ดูเป็นธรรมชาติ อาการบวม หลังการผ่าตัดคนไข้อาจมีอาการบวมช้ำมากภายใน 3-7 วันหลังการผ่าตัด และจะค่อยๆลดบวมลงเรื่องๆ อาจหายช้าหรือเร็วต่างกัน ขึ้นกับการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดและสภาพร่างกายเดิมของแต่ละคน โดยเฉลี่ยประมาณ 2-4 สัปดาห์ และ กระดูกจะเริ่มเข้าที่ 3-6 เดือนหลังการผ่าตัด

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดวีไลน์

  • ประคบเย็นในช่วง 2 – 3 วันแรก เพื่อให้เลือดภายในหยุดไหล
  • เริ่มประคบอุ่นในช่วงวันที่ 3 – 4 วัน เพื่อช่วยลดอาการบวม
  • ระยะเวลา 1 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัดให้รัดหน้าตลอดเวลา เพื่อป้องกันอาการ ตัดโหนกแก้ม แก้มห้อยหลังการผ่าตัด
  • รักษาความสะอาดในช่องปาก เพื่อลดการติดเชื้อจากแบคทีเรีย
  • งดการเคี้ยวอาการที่มีลักษณะแข็ง หรืออาหารที่มีลักษณะเหนียว ให้ทานอาหารอ่อนๆในช่วง 1 – 3 เดือนแรกของการผ่าตัด
  • งดการออกกำลังกายหนักในช่วง 1 – 2 เดือนหลังการผ่าตัด

 
พลอย-วีไลน์หน้าเรียว
เจนนี่-วีไลน์หน้าเรียว
ผ่าตัดลดโหนกแก้มด้วยเทคนิคเกาหลี
ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล


สนใจสอบถามข้อเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมหน้าเรียว นัดคิวปรึกษากับคุณศัลยแพทย์เฉพาะทางเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

@line-sr สอบถามข้อการทำศัลยกรรมหน้าเรียว

[contact-form-7 id=”5473″ title=”Contact form 1″ html_class=”bootstrap-frm”]