1. Home
  2. vip-diary
  3. GNG ร่วมกับ SR ทุ่มงบลงทุนกว่า 1 ล้านบาท โมเดลศัลยกรรมน้องเมย์

GNG ร่วมกับ SR ทุ่มงบลงทุนกว่า 1 ล้านบาท โมเดลศัลยกรรมน้องเมย์

GNG ร่วมกับ SR

สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อเมย์ ได้สมัครเข้าร่วมในโครงการ Makeover Project เฟ้นหาโมเดลสาวไทยไปทำศัลยกรรมฟรีกับโรงพยาบาลศัลยกรรม GNG ที่ประเทศเกาหลีใต้ ตอนที่ทราบผลว่าได้รับคัดเลือกให้ไปทำศัลยกรรมฟรีกับทางโรงพยาบาล รู้สึกดีใจมากและตื่นเต้นมากค่ะ เพราะเดิมทีเป็นคนไม่เคยผ่านการศัลยกรรมมาก่อน
วันเดินทาง คือ วันที่ 21 มกราคม 2560 ไปถึงสนามบินอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ เวลาประมาณ 9 โมงเช้า วันนี้มีหิมะตกโปรยปราย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับหิมะจริงๆ ตื่นเต้นมากและอากาศก็หนาวมาก พอถึงสนามบินจะมีทีมงานของทางโรงพยาบาลมารอต้อนรับอย่างอบอุ่นค่ะ จากนั้นก็นั่งรถที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้ไปยัง โรงพยาบาลศัลยกรรม GNG เพื่อเข้าพบและปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
จากสนามบินอินชอนมายังโรงพยาบาล ซึ่งตั้งอยู่ย่านกังนัมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง พอถึงโรงพยาบาล สิ่งแรกที่เห็นคือ โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นตึกสูง มีทั้งหมด 10 ชั้น พอเข้าไปข้างในตัวอาคารจะพบกับคาเฟ่ ซึ่งเปิดให้บริการทั้งกาแฟ เครื่องดื่มและขนมต่างๆ มีให้เลือกซื้อได้ตามสะดวก
สถานที่ภายในโรงพยาบาลนั้นดูสะอาด มีที่นั่งรอตรวจและมุมเครื่องดื่ม เช่น กาแฟและน้ำดื่มไว้คอยให้บริการฟรี จากนั้นเราก็เข้าไปติดต่อกับพยาบาลที่เค้าเตอร์ เพื่อกรอกข้อมูลและประวัติส่วนตัวอย่างละเอียด เสร็จแล้วจึงมี

การตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัด

  • การตรวจเอ็กซเรย์กระดูกโครงหน้า (CT Scan)
  • การตรวจเอ็กซเรย์ปอด
  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
  • การตรวจเลือดและมีการถ่ายรูปก่อนผ่าตัด

จากนั้นจึงพบกับที่ปรึกษาทางด้านความงามและศัลยกรรมก่อน เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาและความต้องการการแก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้า ก่อนที่จะเข้าพบคุณหมอ สำหรับเรื่องภาษานั้นไม่ต้องกังวลว่าจะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง หรือไม่เข้าใจ เพราะมีล่ามไว้คอยดูแลอยู่แล้ว
หลังจากนั้นก็ได้เข้าพบกับคุณหมอเพื่อประเมินใบหน้าดูว่ามีวิธีการแก้ไขจุดบกพร่องอย่างไร เนื่องจากว่าช่วงที่ไปผ่าตัดศัลยกรรมนั้นเป็นช่วงหน้าหนาว ซึ่งอาจทำให้ป่วยได้ง่าย เพราะว่าถ้าเราป่วย มีไข้ เราจะไม่ได้เข้ารับการผ่าตัดอย่างแน่นอน เพราะอาจทำให้มีความเสี่ยงในการผ่าตัดอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นก่อนผ่าตัดเราควรเตรียมพร้อมร่างกายให้แข็งแรงและเตรียมเสื้อผ้าที่หนาเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นจะได้ไม่ป่วย แต่กรณีในคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ เช่น แพ้อากาศ ก็สามารถทำผ่าตัดได้ 

เมย์ ต้อง Makeover ปรับจุดไหนบนใบหน้าบ้าง

  • เป็นคนที่มีโหนกแก้มสูง
  • หน้าผากแคบและสั้น
  • ขมับตอบ ทำให้ใบหน้าดูเหลี่ยมและแข็ง มีรูปให้ดูค่ะ

makeover-น้องเมย์

ปัญหาดังกล่าว ส่งผลอย่างไรบ้างต่อใบหน้า ของน้องเมย์

  • มีคนเคยทักว่าหน้าดูแข็งและดุ
  • หน้าดูไม่สวยไม่หวาน
  • บางคนก็บอกว่าเห็นหน้ากันตอนแรกนึกว่าเป็นคนอีสาน
  • ทำให้เรารู้สึกขาดความมั่นใจไปเลย

นอกจากปัญหาดังที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น ยังมีปัญหาเรื่องหน้าสองข้างไม่เท่ากัน โหนกแก้มยื่นออกมาด้านข้าง, คางตัดทำให้คางดูกว้างเหมือนคนไม่มีคาง, จมูกมีลักษณะเป็นจมูกสั้น, สันจมูกกว้าง, สันโด่งใหญ่, ปลายจมูกกลมและปีกจมูกบานค่ะ สำหรับดิฉันได้รับการแก้ไขกระดูกโครงหน้า โดยการผ่าตัดกรามวีไลน์ (V Line Square Jaw Sugery) การลดขนาดโหนกแก้ม (Cheekbone Reduction) การฉีดไขมันบนใบหน้า (Facial Fat Graft) และการทำจมูก (3D Rhinoplasty) ก็ได้เข้าพบคุณหมอทั้งหมด 3 ท่าน โดยมีหมอที่ดูแลในเรื่องของกระดูกโครงหน้า, เรื่องของการฉีดไขมันบนใบหน้าและเรื่องของการทำจมูก
หลังจากพูดคุยกับคุณหมอเสร็จได้นัดผ่าตัดคือ วันที่ 23 มกราคม 2560 และพยาบาลก็ได้แจ้งเรื่องการงดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัด เนื่องจากเป็นการผ่าตัดใหญ่ ใช้เวลานานจึงต้องมีการดมยาสลบ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายจากการสำลักอาหารเข้าปอด จึงจำเป็นต้องงดน้ำและอาหารเป็นเวลา 6-8 ชั่วโมง คือหลังเที่ยงคืนของวันก่อนผ่าตัดต้องงดน้ำและอาหารเลยและมีการใส่ท่อสวนปัสสาวะด้วย เพื่อความปลอดภัยของเรา เมื่อพูดคุยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มีรถที่ทางโรงพยาบาลจัดไปส่งยังโรงแรมที่พัก เพื่อเช็คอินและพักผ่อนเพื่อรอวันนัดผ่าตัด

เมย์-ก่อนผ่าตัด

และแล้ว วันผ่าตัดก็มาถึง วันนี้มีนัด 9 โมงเช้า ตื่นเช้ามารู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะว่าวันนี้จะต้องผ่าตัดแล้ว เมื่อคืนนี้ก็นอนหลับสบายดีค่ะ

ก่อนการผ่าตัดควรทำอย่างไรบ้าง ?

  • พักผ่อนให้เต็มที่
  • งดน้ำงดอาหารทุกอย่างหลังเที่ยงคืนมาแล้วเรียบร้อยค่ะ

จากนั้นก็อาบน้ำ สระผม แปรงฟันและแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็ออกเดินทางโดยรถแท็กซี่ค่ะ ใช้เวลาไม่นานประมาณ 20 นาทีก็ถึงโรงพยาบาล พอมาถึงที่โรงพยาบาลจะมีพี่ล่ามมารออยู่แล้ว จากนั้นก็พาเราไปพบพยาบาล เพื่อแจ้งชื่อและพาไปยังห้องพักฟื้นผู้ป่วย ซึ่งเป็นห้องที่เราจะต้องมานอนพักฟื้นหลังผ่าตัดเสร็จ แล้วจึงทำการเปลี่ยนเสื้อผ้า รองเท้าที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้และล้างทำความสะอาดใบหน้าอีกครั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงได้เข้าพบคุณหมออีกครั้งหนึ่ง เพื่อพูดคุยรายละเอียดเกี่ยวกับการรักษาและทำความเข้าใจกันก่อนเข้ารับการผ่าตัด

จากนั้นพยาบาลก็พาไปยังห้องผ่าตัด ซึ่งก่อนเข้าห้องผ่าตัด ผมที่รวบอยู่จะต้องปล่อยออก แล้วก่อนที่จะเข้าห้องผ่าตัดต้องผ่านเครื่องเป่าลมเพื่อกำจัดฝุ่นและเชื้อโรคที่ติดตามตัวและเสื้อผ้าออกก่อนจึงจะเข้าไปในห้องผ่าตัดได้ ตอนที่เข้าไปยังห้องผ่าตัดก็สังเกตเห็นว่ามีเครื่องมือและอุปกรณ์ช่วยชีวิตหลายชนิดอยู่ในห้องผ่าตัด จึงรู้สึกมั่นใจได้ว่ามีมาตรฐานและมีความปลอดภัย จากนั้นก็ขึ้นไปนอนบนเตียงผ่าตัด ซึ่งเตียงผ่าตัดจะเป็นเตียงเล็กๆ ที่ขนาดไม่ใหญ่มากใหญ่กว่าเราเล็กน้อย

แล้วมีหมอและพยาบาลวิสัญญีอยู่ประมาณ 5 คน ซึ่งพยาบาลแต่ละคนก็จะช่วยกันเตรียมคนไข้ โดยนำที่วัดความดันมารัดไว้ที่ต้นแขนและนำสายตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจมาติดให้บริเวณหน้าอกและตัว จากนั้นหมอดมยาก็ถามเราว่าฟังภาษาอังกฤษได้ไหม เราก็ตอบไปว่าฟังได้

หมอจึงพูดอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นการพูดคุยและบอกขั้นตอนคร่าวๆ ว่าหมอจะทำอะไรกับเราบ้าง จากนั้นหมอก็บอกว่าจะให้หลับแล้วนะ ซึ่งตอนนั้นพยาบาลจะฉีดยาที่บริเวณข้อพับแขน พร้อมกับที่หมอทำการดมยาสลบ ซึ่งเป็นที่ครอบจมูกต่อออกจากเครื่องดมยามาครอบที่จมูกและให้เราหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ในห้องพักฟื้นนอกห้องผ่าตัด โดยมีพยาบาลอยู่ข้างๆ เตียงคอยปลุกเรา

อาการหลังจากตื่นจากการผ่าตัด เป็นยังไงบ้าง ?

เนื่องจากตอนนั้นยังมีอาการเมายาสลบ แต่ว่ารู้สึกตัวแล้ว แต่ยังมึนๆ งงๆ แล้วพี่ล่ามก็บอกให้เราหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อที่จะไล่ยาสลบออกให้หมด ตอนนั้นได้ถอดท่อช่วยหายใจออกแล้ว พอเราตื่น ฟื้นคืนสติได้ดี ก็ลุกจากเตียงมานั่งที่รถเข็นเพื่อย้ายไปที่ห้องพักฟื้นผู้ป่วยต่อไป โดย ใช้เวลาผ่าตัดและอยู่ในห้องพักฟื้นของวิสัญญีทั้งหมดประมาณ 10 ชั่วโมง

น้องเมย์-ออกจากห้องผ่าตัด

หลังจากที่พยาบาลเข็นรถนั่งมาส่งที่ห้องพักฟื้นผู้ป่วยเป็นที่เรียบร้อย

ซึ่งมีห้องพักฟื้นของผู้ป่วยอยู่หลายห้อง หน้าห้องพักฟื้นจะมีเค้าเตอร์พยาบาลอยู่ ซึ่งจะมีพยาบาลเวรคอยดูแลผู้ป่วยอยู่ตลอด 24 ชั่วโมงและต้องนอนพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลา 2 คืน ความรู้สึกหลังผ่าตัดเสร็จ ถ้าถามว่าเจ็บไหม จะบอกว่าไม่เจ็บก็คงเป็นไปไม่ได้ ต้องบอกว่ารู้สึกเจ็บมาก รู้สึกหนักๆ ตึงๆ ปวดหน้า แต่ก็เจ็บในระดับดับที่พอทนได้ โดยพยาบาลจะฉีดยาแก้ปวดให้ทุก 6 ชั่วโมงและคอยดูแลการสารน้ำต่างๆ มีอาการเจ็บคอ คอแห้งอยู่บ้าง

แล้วบริเวณจมูกที่เพิ่งทำมาก็ยังมีเฝือกดามจมูกด้านนอกอยู่และมีผ้าก๊อซรองใต้จมูกด้วย เลือดก็ยังไหลอยู่เป็นระยะ อ้าวแล้วแบบนี้จะหายใจทางจมูกได้ไหม บอกเลยว่าไม่ได้ ให้หายใจทางปากได้อย่างเดียวจนกว่าจะถึงวันนัดตัดไหม ต้องบอกเลยว่าลำบากมาก

นอกจากจะต้องหายใจทางปากแล้ว ด้วยอากาศที่เย็นจึงทำให้บนเพดานเหงือกของเราแห้งและรู้สึกเจ็บ ก็จะอาศัยการจิบน้ำเป็นระยะเพื่อช่วยให้เพดานเหงือกชุ่มชื้น ลดอาการเจ็บลงได้ ซึ่งก็ไม่ได้มีผ้าก๊อซซับเลือดภายนอกจมูกเพียงอย่างเดียว ภายในรูจมูกนั้นก็มีผ้าก๊อซซับห้ามเลือดด้วย นอกจากนั้นยังมีเฝือกดามจมูกอุดค้ำรูจมูกไว้ด้านในอีก จึงทำให้ไม่สามารถหายใจทางจมูกได้ แต่เพื่อความสวยแล้วนั้นเราต้องอดทนอย่างเดียวค่ะ ต้องสู้ๆ

หลังจากที่ผ่าตัดเสร็จเราสามารถจิบน้ำได้ โดยพยาบาลจะนำน้ำดื่มและน้ำมะละกอกระป๋องมาไว้ให้ดื่มด้วย

โดยใช้หลอดฉีดยาที่ต่อสายยางตรงปลายเพื่อดูดน้ำดื่ม ซึ่งยังอ้าปากไม่ได้ เนื่องจากมีสายระบายเลือดที่อยู่ในปากและมีผ้าพันหน้าด้วย หลังผ่าตัดวันแรกก็ยังรู้สึกเจ็บและปวดแผลอยู่ แต่จะเจ็บน้อยลงและดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ ส่วนอาการเจ็บคอและคอแห้งก็ดีขึ้น เนื่องจากจิบน้ำช่วย แต่พอหลังจากผ่าตัดวันที่สอง ก็ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บแผลแล้ว

ตรวจอาการ-น้องเมย์-หลังผ่าตัด

หลังผ่าตัดวันที่หนึ่ง ในช่วงเช้าคุณหมอที่ทำการฉีดไขมันบนใบหน้าได้เข้ามาตรวจเยี่ยมอาการ

จากนั้นพยาบาลก็จะนำท่อสายสวนปัสสาวะออกให้และเนื่องจากมีแผลผ่าตัดในปาก พยาบาลจึงนำน้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อมาให้สำหรับใช้บ้วนปาก ซึ่งต้องบ้วนปากบ่อยๆ เพื่อลดการติดเชื้อของแผลในปากและไม่ต้องกังวลเรื่องการตัดไหม เพราะหมอใช้ไหมละลาย ซึ่งไหมนั้นจะละลายหายไปเองและนำซุปฟักทองมาให้ทานด้วย ช่วงเที่ยงคุณหมอที่ทำการผ่าตัดโครงหน้าให้ก็เข้ามาตรวจเยี่ยมและได้นำผ้าพันหน้าและสายระบายเลือดออกให้

ต้องบอกว่าตอนแรกรู้สึกกังวลใจว่าตอนดึงสายออกจะเจ็บไหม แต่พอหมอดึงสายระบายเลือดออกให้นั้นขอบอกว่าไม่รู้สึกเจ็บเลย ค่อยโล่งใจหน่อย แต่จะเหลือเฝือกที่ติดรอบใต้คางไว้ ซึ่งหมอยังไม่ให้เอาออก พร้อมทั้งนำกระดูกโครงหน้าที่ผ่าตัดออกไปแล้วมาให้ดูอีกด้วย ได้มีทักทายพูดคุยกัน ขอบอกเลยว่าคุณหมอน่ารักและใจดีมาก พูดให้กำลังใจดีมากๆ ค่ะ

วิธีการใช้ผ้ารัดหน้า หลังการผ่าตัดโครงหน้า

  • ต้องรัดหน้าเป็นเวลา 1 ชั่วโมง สลับกับคลายผ้ารัดหน้าอีก 1 ชั่วโมง ค่อยกลับมารัดใหม่
  • ทำแบบนี้สลับกันไปทั้งวันจนถึงก่อนนอน แต่ในช่วงนอนหลับนั้นไม่ต้องรัดผ้า แต่ต้องบอกก่อนว่าในช่วงแรกนี้เราอาจจะรัดผ้าในแต่ละครั้งได้ไม่นานตามเวลาที่พยาบาลกำหนด เพราะว่าเราปวดกระดูกช่วงบริเวณจอนผมมากก็เลยไม่ฝืนตัวเอง รัดเท่าที่ไหว แต่ก็พยายามรัดคลายผ้าทั้งวันนะ

การใช้ผ้ารัดหน้าหลังการผ่าตัดช่วยอะไรได้บ้าง ?

  • ผ้ารัดนี้ช่วยลดอาการบวม
  • ป้องกันไม่ให้แก้มห้อย

หลังจากผ่าตัด-วันที่-2

หลังผ่าตัดวันที่สอง ในช่วงเช้าคุณหมอคนเดิมที่ทำการผ่าตัดโครงหน้าให้นั้นก็มาตรวจเยี่ยมอาการพร้อมกับพูดปลอบใจและให้กำลังใจทำให้เรารู้สึกดี มีกำลังใจมากยิ่งขึ้น ส่วนช่วงเย็นนั้นพยาบาลจะพาเราไปล้างแผลที่จมูก, แผลบริเวณหน้าหู (บริเวณจอนผม), แผลบริเวณที่ฉีดไขมันบนใบหน้าและแผลที่สะดือ ซึ่งการทำจมูกนี้จะเป็นการผ่าตัดแบบเปิด (Open Rhinoplasty) จะมีแผลที่บริเวณขอบกั้นกลางจมูก และได้รับการผ่าตัดปีกจมูกด้วยก็จะมีแผลขอบปีกจมูก

พยาบาลก็จะทำการล้างแผลในรูจมูก โดยดึงผ้าก๊อซที่อุดห้ามเลือดไว้ออก แล้วนำผ้าก๊อซชุบน้ำยาฆ่าเชื้ออันใหม่เข้าไปแทนที่พักไว้อย่างนั้นก่อน เช็ดแผลบริเวณขอบกั้นกลางจมูก, ขอบปีกจมูก, แผลบริเวณหน้าหู (บริเวณจอนผม) และทายาตรงแผลบริเวณที่มีไหมทุกจุดจนครบ แล้วติดพลาสเตอร์อันใหม่ที่แผลบริเวณหน้าหู (บริเวณจอนผม) ในการฉีดไขมันบนใบหน้านั้นจะมีแผลตามจุดที่ฉีดและมีแผลที่สะดือด้วย เนื่องจากคุณหมอได้นำไขมันจากหน้าท้องมาฉีดให้

ส่วนแผลบริเวณที่ฉีดไขมันก็จะดึงพลาสเตอร์อันเก่าออก เช็ดแผล แล้วติดพลาสเตอร์อันใหม่ให้ แล้วพยาบาลก็จะให้ผ้าก๊อซมาไว้จำนวนหนึ่งเพื่อซับเลือดที่ไหลออกมาจากจมูก จากนั้นช่วงค่ำพยาบาลก็จะถอดสายน้ำเกลือที่แขนออกให้

วันที่-3-ของการผ่าตัด

พอเช้าวันที่สาม เป็นวันที่ได้กลับไปพักฟื้นต่อที่โรงแรม ก็จะมีพยาบาลนำเอกสารการปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด, ผ้าก๊อซ, หน้ากากอนามัย, Gel Pack, น้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อ, ยากินและยาทามาให้ อธิบายรายละเอียดวิธีการปฏิบัติตัวและข้อห้ามต่างๆ ให้ฟังและนัดมาตัดไหมอีก 5 วัน โดยผ่านทางพี่ล่ามและพี่ล่ามก็เขียนแปลเป็นภาษาไทยให้ในเอกสารนั้นอย่างชัดเจนอีกด้วย อ้อลืมบอกพี่ล่ามที่คอยดูแลเราเขาเป็นคนเกาหลีนะ น่ารักมาก ใส่ใจ ดูแลเราดีมากๆ

จากนั้นทีมงานของทางโรงพยาบาลและพี่ล่ามก็พาเราไปที่ร้านสระผม รู้สึกดีมากๆ เลยล่ะ ไม่ได้สระผมมาสองวัน อ่อถ้าสระผมเองคงจะลำบากมากๆ เพราะว่าแผลนี้ห้ามโดนน้ำเด็ดขาด เพื่อให้แผลแห้งและป้องกันการติดเชื้อ จากนั้นทีมงานก็นั่งรถที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้มาส่งยังโรงแรมที่พักและกลับมาพักฟื้นต่อ

วันที่-8-ตัดไหม

ถึงวันนัดตัดไหม วันที่ 8 นับจากวันที่ผ่าตัด ซึ่งก็ครบเจ็ดวันพอดี ก็เดินทางมายังโรงพยาบาล โดยรถแท็กซี่อีกเช่นเคย มีพี่ล่ามมารออยู่แล้ว อ้อวันนี้เป็นล่ามคนไทยค่ะ เวลานัดเป็นช่วงเช้า มาถึงก่อนเวลาก็มานั่งรอก่อนเข้าพบคุณหมอที่ทำจมูก จากนั้นพยาบาลก็จะพาเข้าไปที่ห้องเพื่อทำการตัดไหมรอบขอบกั้นกลางจมูกและปีกจมูก, ไหมบริเวณหน้าหู (บริเวณจอนผม) และบริเวณสะดือ แล้วก็เช็ดทำความสะอาดแผลให้ทุกจุด รวมทั้งแผลบริเวณที่ฉีดไขมันและติดพลาสเตอร์กันน้ำไว้ให้ที่บริเวณหน้าหู (บริเวณจอนผม), บริเวณที่ฉีดไขมันและบริเวณสะดือ
หลังจากนี้แผลห้ามโดนน้ำอีก 3 วัน แล้วจึงเข้าพบคุณหมอที่ทำจมูกให้ คุณหมอก็จะดึงผ้าก๊อซที่อยู่ในรูจมูกออกมาและเอาเฝือกดามจมูกด้านนอกออก แล้วตรวจเช็คแผลในรูจมูก จากนั้นใช้ท่อดูด (Suction) ดูดเอาเลือด,น้ำเหลืองและสารคัดหลั่งที่ติดค้างในรูจมูกออกให้ ขอบอกว่าขั้นตอนนี้จะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นมากๆ เลย รู้สึกจมูกสะอาด จากนั้นหมอจึงดึงเอาเฝือกดามจมูกที่อุดค้ำรูจมูกไว้ด้านในออกมา ทีนี้ล่ะรู้สึกฟินสุดๆ เพราะจมูกโล่ง สบาย หายใจสะดวกมาก เย้ หายใจทางจมูกได้แล้ว
หลังจากนั้นคุณหมอก็ตรวจเช็คดูโครงสร้างจมูกภายนอกว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะในช่วงนี้จมูกยังบวมและจมูกยังไม่เข้ารูป ซิลิโคนที่เสริมยังไม่ยึดเกาะกับเนื้อเยื่อของจมูก อาจเกิดการเบี้ยวได้ แล้วคุณหมอก็ใช้มือกดๆ ที่สันจมูก แล้วถามว่าเจ็บไหม เราตอบว่าเจ็บค่ะ

วิธีการนวดจมูก หลังการผ่าตัดเสริมจมูก

คุณหมอเลยกดสันจมูกและนวดเบาๆ ให้ดูแล้วบอกให้เราทำแบบนี้ ทำทุกเช้า วันละ 1 ครั้ง จากนั้นหมอก็นัดมาตรวจอีก 3 วัน นัดพร้อมกับคุณหมออีกสองท่านเพื่อตรวจเช็คก่อนที่จะกลับเมืองไทย

ตรวจอีกครั้ง-ก่อนกลับไทย

ถึงวันนัดพบคุณหมอ เพื่อตรวจเช็คก่อนที่จะกลับเมืองไทย นัดไว้ช่วงบ่ายโมง วันนี้เดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดิน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที อากาศก็ยังคงหนาวอยู่ แต่ได้เจอหิมะตกแค่สองวัน คือวันวันแรกที่มาถึงเกาหลีและวันที่สองเท่านั้น ไปโรงพยาบาลก่อนเวลานัดหมาย ก็ไปที่ร้านคาเฟ่ของโรงพยาบาล สั่งกาแฟมานั่งดื่ม เพื่อคลายหนาว 1 แก้ว ราคากันเองมาก ไม่แพงเมื่อเทียบกับร้านข้างนอก จากนั้นพี่ล่ามคนไทยก็ตามมาจึงพากันไปที่เค้าเตอร์พยาบาลแล้วรอเข้าพบคุณหมอ ก่อนเข้าพบคุณหมอนั้น
วันนี้ได้มีการการตรวจเอ็กซเรย์กระดูกโครงหน้า (CT Scan) และถ่ายรูปหลังผ่าตัดเสร็จแล้ว จึงได้เข้าพบคุณหมอที่ทำการผ่าตัดโครงหน้า คุณหมอก็ได้พูดคุยถึงผลการรักษาและผ่าตัดว่าทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี พร้อมทั้งให้ดูภาพถ่ายเอ็กซเรย์กระดูกโครงหน้าเปรียบเทียบกันก่อน-หลังผ่าตัดว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ซึ่งขอบอกได้เลยว่าคุณหมอนั้นเก่งและฝีมือดีจริงๆ สิ่งที่เราเป็นกังวลนั่นคือ ในเรื่องของเส้นประสาท ภาพถ่ายเอ็กซเรย์ที่คุณหมอเปิดให้ดูยืนยันได้ว่าคุณหมอนั้นไม่ได้ตัดโดนเส้นประสาท ยังคงอยู่ที่เดิม รู้สึกโล่งใจและคลายกังวลไปได้มากทีเดียว
จากนั้นได้เข้าพบคุณหมอที่ทำจมูก คุณหมอทำการตรวจเช็คแผลในรูจมูก จากนั้นใช้ท่อดูด (Suction) ดูดเอาเลือด,น้ำเหลืองและสารคัดหลั่งที่ติดค้างในรูจมูกออกให้ แล้วก็ตรวจเช็คดูโครงสร้างจมูกภายนอกว่าเป็นอย่างไร โดยใช้มือกดๆ ที่สันจมูก แล้วถามว่าเจ็บไหม เราตอบว่าไม่เจ็บค่ะ คุณหมอเลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นไม่ต้องนวดจมูกแล้ว ทุกอย่างดีแล้ว แอบดีใจและโล่งใจที่ผ่านไปได้ด้วยดี แล้วก็พบคุณหมอที่ทำการการฉีดไขมันบนใบหน้า
คุณหมอก็ตรวจดูใบหน้าทุกอย่างเรียบร้อยดี แล้วคุณหมอก็บอกว่าไขมันจะถูกดูดซึมหรือสลายไป ซึ่งร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สลายมากน้อยขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคล แต่ถ้าไขมันยุบลงเยอะก็สามารถมาเติมเพิ่มได้ เพราะทางคุณหมอได้เก็บไขมันอีกส่วนหนึ่งของเราไว้แล้ว พอเข้าพบคุณหมอจนครบทุกท่าน จากนั้นจึงเดินทางกลับโรงแรมที่พัก เพื่อเตรียมตัวกลับประเทศไทย

ผ้ารัดหน้า-ลดบวม

รูปวันนัดพบคุณหมอก่อนกลับเมืองไทยและวันที่เดินทางกลัประเทศไทย ซึ่งก็ พยายามใส่ผ้ารัดหน้า เพื่อลดบวมด้วย

ศัลยกรรม-ครบ2สัปดาห์

หลังจากกลับมาจากเกาหลี ก็สามารถไปทำงานได้ตามปกติ วันนี้เป็นการทำงานวันแรก ครบ 2 สัปดาห์พอดี

ผ่าตัดครบ-1-เดือน

รูปผ่าตัดครบ 1 เดือนพอดี รูปที่เห็นอยู่ ณ ตอนนี้อาจจะยังไม่ยุบบวม เหลือรอยเขียวช้ำใต้ตาอยู่เล็กน้อย

ผ่าตัดครบ-1-เดือนครึ่ง

ตอนนี้ครบ 1 เดือนครึ่ง หน้ายังดูไม่เข้าที่สักเท่าไหร่ คงต้องรอให้ยุบบวมลงกว่านี้อีก มารอดูกันว่าอีกสามเดือนจะเป็นอย่างไหร่ โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ


[contact-form-7 id=”5473″ title=”Contact form 1″ html_class=”bootstrap-frm”]